วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สังเกตการใช้สื่อการเรียนการสอนในโรงเรียน

          สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทักษะ ประสบการณ์ จากแหล่งความรู้ไปสู่ผู้เรียน และทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ






ข้อมูลโรงเรียน
ชื่อโรงเรียน : สุวรรณารามวิทยาคม
สถานที่ตั้ง : 512/1 ถ.จรัญสนิทวงศ์ 32 แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700 
สังกัด : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ 
คำขวัญโรงเรียน : "เรียนดี กีฬาเด่น เน้นกิจกรรม คุณธรรมเป็นเลิศ"
สีประจำโรงเรียน : "ฟ้า - แดง" 

การสังเกตสื่่อการเรียนการสอน
รายวิชา : ชีววิทยา
ระดับชั้น : มัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้สอน : คุณครูชุติมา รอดสุด
ประเภทของสื่อ : ใบความรู้
วิธีการจัดการเรียนรู้ : แบบระดมสมอง




          เข้าห้องมา ครูจะได้มีการนำเข้าสู่บทเรียนโดยการพูดเชื่่อมโยงจากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมาหาบทเรียน เพื่อให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการเรียนว่าสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ หลังจากนั้น ก็เป็นการถามคำถามเพื่อทดสอบพื้นความรู้ของนักเรียนและยังเป็นการนำไปสู่การหาคำตอบในการเรียนครั้งนี้อีกด้วย

                                                                 

          หลังจากตอบคำถามเสร็จแล้ว ครูก็จะแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มเพื่อที่จะให้นักเรียนแบ่งหน้าที่กันไปศึกษาใบความรู้ที่ครูได้จัดเตรียมไว้ให้ พร้อมกับทำแผนผังความคิด (mind mapping) เป็นของตัวเองเพื่อสรุปเนื้อหาที่ได้จากการศึกษาใบความรู้นั้น โดยกำหนดเวลาเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการศึกษาค้นคว้า



          โดยที่ครูมีหน้าที่เดินสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็ก แต่ไม่สามารถบอกหรือชี้นำเด็กในการศึกษาใบความรู้ เพราะ การเรียนรู้แบบระดมสมองคือการที่ให้เด็กสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างเป็นอิสระ ไร้ข้อผูกมัดใดๆ


          เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว ก็ให้สมาชิกแต่ละคนกลับเข้ากลุ่มเพื่่อเป็นการระดมสมองจากที่ได้แบ่งกันไปศึกษาหาความรู้ในแต่ละฐาน หลังจากนั้นก็ร่วมกันเขียนแผนผังความคิดของกลุ่มจากความรู้ที่ได้จากการไปศึกษามา



          เมื่อทำแผนผังความคิดของกลุ่มเสร็จแล้ว ก็จะทำการนำเสนอหน้าชั้น เพื่อเป็นการฝึกการกล้าแสดงออก ให้นักเรียนมีทักษะในการสื่อการ และเป็นประเมินเมินความรู้ความเข้าใจของนักเรียนได้อีกด้วย

ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้สื่อในการจัดการเรียนรู้จากคุณครูชุติมาท รอดสุด
          1. เลือกสื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมแก่เด็กในแต่ละช่วงชั้น
          2. ครูควรเป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator) ให้แก่ผู้เรียน มากกว่าเป็นผู้สอน (teacher)
          3. สอนให้เด็กมีความคิดแบบเป็นองค์รวม ไม่คิดแบบแยกส่วน
          4. สอนให้เด็กรู้วิธีจับปลาไม่ใช่ยื่นปลาให้เด็ก คือ สอนวิธีศึกษาหาความรู้กับเด็ก แนะนำแนวทางในการสืบค้นความรู้เพิ่มเติม ไม่ใช่ให้ตัวความรู้กับเด็กแบบตรงๆ


         

นวัตกรรมทางการศึกษา

          “นวัตกรรมทางการศึกษา” (Educational Innovation) หมายถึง การนำเอาสิ่งใหม่ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของความคิดหรือการกระทำ รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ก็ตามเข้ามาใช้ในระบบการศึกษา เพื่อมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ระบบการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเกิดแรงจูงใจในการเรียน และช่วยให้ประหยัดเวลาในการเรียน เช่น การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใช้วีดิทัศน์เชิงโต้ตอบ(Interactive Video) สื่อหลายมิติ (Hypermedia) และอินเตอร์เน็ต เหล่านี้เป็นต้น

คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction)



          คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) หมายถึง วิถีทางของการสอนรายบุคคลโดยอาศัยความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะจัดหาประสบการณ์ที่มีความสัมพันธ์กันมีการแสดงเนื้อหาตามลำดับที่ต่างกันด้วยบทเรียนโปรแกรมที่เตรียมไว้อย่างเหมาะสม

ประเภทของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
1. บทเรียน (Tutorial) 
เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นมาในลักษณะของบทเรียนโปรแกรม
ที่เสนอเนื้อหาความรู้เป็นส่วนย่อย ๆเลียนแบบการสอนของครู
2. ฝึกทักษะและปฏิบัติ (Drill and Practice)
ส่วนใหญ่ใช้เสริมการสอน ลักษณะที่นิยมกันมากคือ การจับคู่ ถูก-ผิด
เลือกข้อถูกจากตัวเลือก
3. จำลองแบบ (Simulation)
นิยมใช้กับบทเรียนที่ไม่สามารถทำให้เห็นจริงได้
4. เกมทางการศึกษา (Educational Game)

5. การสาธิต (Demonstration) 
นิยมใช้ในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
6. การทดสอบ (Testing) 

เป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
7.  การไต่ถาม (Inquiry) 
ใช้เพื่อการค้นหาข้อเท็จจริง ความคิดรวบยอด
8. การแก้ปัญหา (Problem Solving) 
เน้นการให้ฝึกการคิดการตัดสินใจ
9. แบบรวมวิธีต่าง ๆ เข้าด้วย (Combination) 

ประยุกต์เอาวิธีสอนหลายแบบมารวมกันตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

ลักษณะของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
          คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นการเรียนการสอนแบบรายบุคคลที่นำเอาหลักการของบทเรียนโปรแกรมและเครื่องช่วยสอนมาผสมผสานกัน โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะตอบสนองในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการศึกษาเป็นรายบุคคล


คอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีลักษณะการเรียนที่เป็นขั้นเป็นตอน ดังนี้
1.ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
2.ขั้นการเสนอเนื้อหา
3.ขั้นคำถามและคำตอบ
4.ขั้นการตรวจคำตอบ
5.ขั้นของการปิดบทเรียน 


ลักษณะของการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ดี มีดังนี้
1.  สร้างขึ้นตามจุดประสงค์ของการสอน
2.  เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน
3.  มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนให้มากที่สุด
4.  มีลักษณะเป็นการสอนรายบุคคล
5.  คำนึงถึงความสนใจของผู้เรียน
6.  สร้างความรู้สึกในทางบวกกับผู้เรียน
7.  จัดทำบทเรียนให้สามารถแสดงผลย้อนกลับไปยังผู้เรียนให้มาก ๆ
8.  เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางการเรียนการสอน
9.  มีวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้เรียนอย่างเหมาะสม
10.ใช้สมรรถนะของเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างเต็มที่ และหลีกเลี่ยงข้อจำกัดบางอย่างของเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่บนพื้นฐานของการออกแบบการสอนคล้ายกับการผลิตสื่อชนิดอื่น ๆควรมีการประเมินผลทุกแง่ทุกมุม 


ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
1.ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามเอกัตภาพ
2.ผู้เรียนมีโอกาสเรียนซ้ำได้หลายครั้งเท่าที่ต้องการ
3.ผู้เรียนมีโอกาสโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์และสามารถควบคุมการเรียนได้เอง
4.มีภาพ ภาพเคลื่อนไหว สี เสียง ทำให้ผู้เรียนไม่เบื่อหน่ายการเรียน
5.ตัวผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้
6.ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามขั้นตอนจากง่ายไปยาก หรือเลือกบทเรียนได้
7.ฝึกให้ผู้เรียนคิดอย่างมีเหตุผล 


                                                     ตัวอย่างคอมพิวเตอร์ช่วยสอน